การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวันเป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำจนเป็นนิสัย
เพราะคงไม่มีใครเถียงว่าการดื่มน้ำนั้นมีประโยชน์ และทำให้ระบบเมตาบอลิซึมของร่างกายทำงานได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยเรื่องผิวพรรณ ระบบขับถ่าย และระบบการย่อยอาหารอย่างมีประสิทธิภาพ หากดื่มน้ำอย่างเหมาะสมเพียงพอตามที่ร่างกายต้องการยังช่วยลดน้ำหนักได้อีกต่างหาก ต่อไปนี้คือตารางการดื่มน้ำเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อร่างกาย หากทำได้ครบตามตารางทุกวัน สุขภาพดีก็จะอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เสริมด้วยผักและผลไม้ด้วยนะ
จริงหรือไม่? การดื่มน้ำเย็นจัดทำให้ร่างกายเสียสมดุล
ในทางวิทยาศาสตร์ เมื่อเราดื่มน้ำเย็นจัดในเวลาอันรวดเร็วอาจจะทำให้เกิดอาการ brain freeze คือ เกิดอาการเย็นจี๊ดขึ้นสมองปวดศีรษะไปชั่วขณะได้ (คนที่เป็นโรคไมเกรนจะมีโอกาสเกิดอาการนี้ง่ายกว่าคนปกติ) ทั้งนี้เกิดจากกระบวนการของสมองที่สั่งการให้ส่งเลือดไหลเวียนมาที่หลอดเลือดบริเวณที่เย็นจัดมากขึ้นอย่างเฉียบพลัน เพื่อทำให้หลอดเลือดบริเวณนั้นอุ่นขึ้นและขยายหลอดเลือดจนไปกระตุ้นประสาทส่วนที่รับรู้ถึงความเจ็บปวดไปด้วยจึงเกิดเป็นอาการปวดศีรษะโดยฉับพลันนั่นเอง แต่ไม่ต้องห่วงอาการนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาทีและไม่ส่งผลระยะยาวต่อร่างกายใดๆ ทั้งสิ้น
แต่หากจะพูดถึงอันตรายต่อร่างกายในระยะยาว ในการแพทย์แผนจีนพบว่าการดื่มน้ำเย็นจัดๆ เป็นประจำ อาจส่งผลทำให้ปอด ไต กระเพาะปัสสาวะ ม้าม กระเพาะอาหารทำงานหนักและขาดสมดุลการดื่มน้ำเย็นเป็นประจำในผู้สูงอายุ อาจจะทำให้มีอาการต่อไปนี้ได้
1. ปัสสาวะบ่อยขึ้น
เพราะการแพทย์แผนจีนจะกล่าวถึงความเย็นกระทบไตหยาง ทำให้ปัสสาวะบ่อยและและอั้นปัสสาวะไว้ได้ไม่นานปัสสาวะจะมากกว่าคนปกติ
2. ปวดหลัง ปวดเอวบ่อยๆ
เมื่อไตหยางอ่อนแอ ตำแหน่งของไตอยู่บริเวณเอว จะทำให้เมื่อยหลังเมื่อยเอวตลอดเวลา เข่าอ่อน ขาไม่มีเรี่ยวแรง
3. ปวดเมื่อยตามร่างกาย โดยเฉพาะตามข้อต่างๆ เช่น เข่า ศอก ข้อนิ้ว
เพราะความเย็นน้ำเย็นทำให้กระเพาะอาหารและม้ามอ่อนแอ ม้ามกำกับกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย ถ้าม้ามอ่อนแอลง จะมีอาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ ลักษณะนี้ขอแนะนำให้ประคบร้อนจะช่วยทำให้กล้ามเนื้ออุ่นขึ้นลดอาการปวดได้
4. ท้องอืด ท้องเฟ้อ ย่อยอาหารได้ช้าลงไขมันในอาหารจับตัวเป็นไขเมื่อมีความเย็น กระเพาะอาหารทำงานหนักขึ้น ใช้เวลาย่อยนานขึ้น ในการแพทย์แผนจีนจะหมายถึงเรื่องพลังหยางของม้ามและกระเพาะอาหารมีความอ่อนแอลง ทำให้การย่อยได้ช้าเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หรืออาหารไม่ย่อย
5.ไอเป็นประจำสังเกตได้ว่าคนที่มีอาการภูมิแพ้ เมื่อโดนความเย็นแล้วมักจะทำให้มีอาการไอ ถ้าหากดื่มน้ำเย็นด้วยจะทำให้ไอคันคอและมีเสมหะมาก เพราะความเย็นทำให้ปอดอ่อนแอและเกิดปัญหาของปอดเย็น น้ำตกค้างจึงเกิดเสมหะมาก
หลักการและเหตุผลของศาสตร์การแพทย์แผนจีนอธิบายว่า พลังหยางเปรียบได้กับพลังงานที่เกิดจากระบบการเผาผลาญ (เมตาโบลิซึม) มีผลต่อการทำงานของอวัยวะส่วนต่างๆในร่างกาย เช่น ระบบภูมิต้านทาน ระบบการย่อย การทำให้เลือดไหลเวียน การสร้างและการกักเก็บปัสสาวะ การรักษาอุณภูมิในร่างกาย ในผู้สูงอายุพลังหยางจะลดลงตามวัย การดื่มน้ำเย็นจะทำให้พลังหยางในร่างกายลดลง เมื่อความเย็นมาทำลายหยางจึงทำให้อาการขี้หนาว มือเท้าเย็น ปัสสาวะบ่อย จึงควรหลีกเลี่ยงไม่ดื่มน้ำเย็นมากเกินไป
ควรดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำอุณหภูมิห้องแทนและควรรับประทานอาหารที่ไม่มันเกินไป ควบคุมอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลให้พอดีกับความต้องการของร่างกาย ออกกำลังกายสม่ำเสมอและพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้การทำงานของอวัยวะภายในทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปอด ไต ม้าม กระเพาะแข็งแรงยิ่งขึ้น การที่หันมาดื่มน้ำอุ่นในตอนเช้าหลังตื่นนอนจะช่วยส่งเสริมพลังหยางในร่างกายได้ดี เมื่ออวัยวะในร่างกายแข็งแรงจะช่วยให้เราสู้กับโรคที่เข้ามาโจมตีเราได้
ที่มา: The Standard, Huachiew TCM Clinic