ปวดหัวจี๊ด ๆ อาจไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก
หลายคนเคยมีอาการปวดหัวจี๊ด ๆ จนรำคาญหรือทนไม่ไหว แต่บางคนชะล่าใจและคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ ทั้งที่ความจริงแล้วอาการปวดหัวจี๊ด ๆ อาจเป็นสัญญาณบอกโรคที่คาดไม่ถึงได้ เพราะฉะนั้นถ้ามีอาการควรรีบพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจเช็กย่อมช่วยให้ดูแลรักษาได้ทันท่วงที
ปวดหัวจี๊ดคืออะไร
ปวดหัวจี๊ด ๆ คืออาการปวดศีรษะที่มีลักษณะปวดจี๊ด ๆ จนสร้างความทรมานและรำคาญใจ แต่ละคนจะมีการปวดมากน้อยแตกต่างกันออกไป บางคนเป็น ๆ หาย ๆ บางคนปวดต่อเนื่อง สามารถเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ จึงมีความจำเป็นที่ต้องพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจเช็กอย่างละเอียด
ปวดหัวจี๊ดเกิดจากอะไร
มีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดหัวจี๊ด อาทิ
- โรคปวดเส้นประสาทท้ายทอย (Occipital Neuralgia) มักปวดท้ายทอย ปวดร้าวขึ้นไปที่ศีรษะ อาจเกิดจากการติดเชื้อหรือบาดเจ็บ ทำให้เส้นประสาทได้รับการกระทบกระเทือนรุนแรงจนเส้นประสาทเสียหาย
- โรคปวดเส้นประสาทใบหน้า (Trigeminal Neuralgia) จะมีอาการปวดจี๊ด ๆ ที่ใบหน้าข้างเดียวอย่างรุนแรง กระตุ้นโดยการเคี้ยวอาหาร การพูด การแปรงฟัน การล้างหน้า
- โรคไมเกรน (Migraine) มักมีอาการปวดหัวแบบตุ๊บ ๆ ข้างเดียวหรือสองข้าง บางครั้งอาจปวดจี๊ด ๆ หรือ
หนัก ๆ ปวดขมับร้าวถึงกระบอกตา ร่วมกับคลื่นไส้ อาเจียน อาจเห็นแสงวูบวาบหรือภาพเบลอก่อนปวดหัว เป็นต้น - โรคปวดหัวแบบคลัสเตอร์ (Cluster Headache) มักปวดหัวเป็นชุด ๆ ปวดรุนแรงข้างเดียว ปวดหัวจี๊ดที่กระบอกตาหรือหลังลูกตา ขมับ ตาแดง น้ำตาไหล น้ำมูกไหลร่วมด้วย
- โรคปวดหัวจากภาวะร่างกายขาดน้ำ (Dehydration Headaches) มีตั้งแต่ปวดน้อยถึงรุนแรง ปวดหัวตื้อ ปวดหัวจี๊ด ๆ ทั่วศีรษะ โดยอาจเป็นตำแหน่งเดียว เช่น ปวดหัวด้านหลัง ปวดหัวด้านหน้า ปวดหัวด้านข้าง รวมถึงมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปากแห้ง เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย เป็นตะคริว เป็นต้น
- โรคปวดหัวจากกล้ามเนื้อตึงตัว (Tension – Type Headaches) มักปวดบีบ ๆ หนัก ๆ ที่ต้นคอร้าวไปที่ขมับ ปวดทั่วศีรษะ ปวดตื้อ มึน บางคนปวดหัวจี๊ด ๆ ร่วมด้วย
- โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) จะมีอาการปวดหัวแบบจี๊ด ๆ ตุบ ๆ ไม่ว่าจะข้างซ้ายหรือข้างขวา ปวดมากจนทนไม่ไหว โดยมีอาการร่วมกับปากเบี้ยว แขนขาชา อ่อนแรง อาการเหล่านี้เสี่ยงต่อเส้นเลือดในสมองตีบ แตก ตัน ต้องรีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุด หากรักษาไม่ทันอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต
ปวดหัวจี๊ดรักษาอย่างไร
เมื่อมีอาการปวดหัวจี๊ด ๆ ควรพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจเช็กว่าต้นเหตุคืออะไร หากไม่ได้ป่วยเป็นโรครุนแรง อาจรับประทานยาแก้ปวดตามที่แพทย์แนะนำ นอกจากนี้ควรปรับพฤติกรรมเพื่อช่วยป้องกันอาการปวดหัวจี๊ด ๆ ได้แก่ ดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้นเพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ ออกกำลังกายช่วยเพิ่มการหลั่งสารเอนดอร์ฟินที่บรรเทาอาการปวดตามธรรมชาติ ทำงานในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ ตรวจเช็กสายตาทุกปี นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ งดชา กาแฟ บุหรี่ แอลกอฮอล์ จัดการความเครียดให้อยู่หมัด เป็นต้น
ปวดหัวแบบไหนควรพบแพทย์ทันที
หากมีอาการปวดหัวจี๊ด ๆ แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รู้สึกว่าทนไม่ไหวควรไปพบแพทย์ทันที นอกจากนี้หากปวดหัวเรื้อรังมานานแบบเป็น ๆ หาย ๆ ปวดหัวบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ ปวดหัวจนตื่นกลางดึกไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ รวมถึงหากมีอาการร่วมเมื่อปวดหัว อย่างชา แขนขาอ่อนแรง คลื่นไส้ ภาพเบลอ มองเห็นภาพซ้อน หน้าเบี้ยว หมดสติ ควรพบแพทย์โดยเร็วที่สุด ที่สำคัญไม่ควรซื้อยามารับประทานเองเด็ดขาด
ที่มา: โรงพยาบาลกรุงเทพอินเตอร์เนชั่นแนล
กรกฎาคม 2568