องค์การอนามัยโลก (WHO) เตรียมประกาศให้ ‘แอสปาร์แตม’ (Aspartame) เป็นสารที่อาจก่อมะเร็งชนิดใหม่
ชื่อของแอสปาร์แตมอาจไม่ได้ฟังคุ้นหูมากนักสำหรับคนทั่วไป แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วชีวิตของเราพัวพันกับแอสปาร์แตมอยู่ในทุกๆ วัน โดยแอสปาร์แตมเป็นสารทดแทนความหวานที่ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลปกติถึง 200 เท่า และใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในอาหารและเครื่องดื่มประเภทแคลอรีต่ำหรือน้ำตาล 0% รวมถึง Coke Zero และ Diet Coke ที่เป็นเครื่องดื่มเติมความสดชื่นของใครหลายๆ คน นอกจากนี้ยังถูกใช้ในลูกอม หมากฝรั่ง ยาสีฟัน ไอศกรีม โยเกิร์ต ซอส และขนมอีกหลากหลายชนิด
องค์การระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยโรคมะเร็ง (IARC) ภายใต้การกำกับดูแลของ WHO เตรียมประกาศให้แอสปาร์แตมเป็นสารที่ ‘มีความเป็นไปได้ที่จะก่อมะเร็งในมนุษย์’ (ภาษาอังกฤษใช้คำว่า ‘Possibly carcinogenic to humans’)
ย้อนดูผลการศึกษาเกี่ยวกับแอสปาร์แตมในอดีต
นับตั้งแต่ปี 1981 หรือย้อนกลับไปเมื่อ 42 ปีที่แล้ว JECFA กล่าวว่าแอสปาร์แตม ‘มีความปลอดภัย’ หากบริโภคในปริมาณที่กำหนดต่อวัน ยกตัวอย่างเช่น ผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนัก 60 กิโลกรัม จะต้องดื่ม Diet Coke มากถึง 12-36 กระป๋องต่อวันจึงจะมีความเสี่ยง ซึ่งการประกาศดังกล่าวก็เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางทั่วโลก รวมถึงในหมู่หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐอเมริกาและยุโรปด้วย ซึ่งระบุว่าการบริโภคแอสปาร์แตมนั้นปลอดภัยหากอยู่ในปริมาณที่จำกัดไว้คือ 40 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยบางส่วนที่ชี้ว่าแอสปาร์แตมเป็นสารที่มีความเชื่อมโยงกับโรคมะเร็ง เพราะตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีหลายองค์กรที่พยายามศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบของแอสปาร์แตมอย่างต่อเนื่อง โดยหากย้อนไปดูในช่วงต้นทศวรรษที่ 2000 มีการศึกษาจากสถาบัน Ramazzini ในอิตาลีที่รายงานว่า แอสปาร์แตมมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งในหนูที่นำมาใช้ในการทดลองดังกล่าว
หรือสดๆ ร้อนๆ เมื่อปี 2022 มีการศึกษาในฝรั่งเศสซึ่งได้เก็บข้อมูลผู้ใหญ่ 10,000 คน ผลปรากฏว่าผู้ที่บริโภคสารทดแทนความหวานในปริมาณมากๆ รวมถึงแอสปาร์แตม มีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งมากกว่าคนทั่วไป แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
น่ากังวลแค่ไหน?
ข่าวดังกล่าวได้สร้างกระแสความวิตกกังวลให้กับคนทั่วโลก เพราะอย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้น แอสปาร์แตมแฝงตัวอยู่ในหลายผลิตภัณฑ์ที่ใช้บริโภคกันในชีวิตประจำวันโดยที่เราเองก็ไม่เคยรู้ตัวมาก่อน สำนักข่าว The Guardian จึงได้สอบถามไปยังผู้เชี่ยวชาญด้วยคำถามที่เราทุกคนต่างสงสัยกันว่า “แล้วเราต้องหยุดการบริโภคทุกอย่างที่มีส่วนผสมของแอสปาร์แตมเลยหรือไม่?”
กิเดียน เมเยโรวิตซ์-แคตซ์ (Gideon Meyerowitz-Katz) นักระบาดวิทยาที่ทำงานเกี่ยวกับโรคเรื้อรังทางตะวันตกของซิดนีย์ กล่าวว่า เรื่องของสารทดแทนความหวานเป็นสิ่งที่มนุษย์กังวลและมีการศึกษาเกี่ยวกับมันมาหลายสิบปี ฉะนั้น ข่าวที่ออกมานี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เราต้องตื่นตูมมากเกินไป
เมเยโรวิตซ์-แคตซ์กล่าวว่า ในฐานะที่ตัวเองเป็นคนที่ชอบดื่ม Coke Zero เป็นชีวิตจิตใจ การที่มีข่าวลักษณะนี้ออกมาก็ควรจะทำให้เขารู้สึกตกใจอยู่เหมือนกัน แต่ในฐานะที่เขาเองเป็นนักระบาดวิทยาที่ให้ความสนใจเกี่ยวกับผลกระทบที่แอสปาร์แตมก่อกับสุขภาพของมนุษย์ เขาคิดว่าตอนนี้เรายังไม่จำเป็นต้องกังวลมากจนเกินไป
หากลองมาเจาะดูที่เนื้อข่าวจะพบว่า IARC ได้ระบุให้แอสปาร์แตมเป็นสารก่อมะเร็งระดับ 2B ซึ่งต้องไล่เลียงเช่นนี้ก่อนว่า การนิยามสารก่อมะเร็งของ IARC จะแบ่งออกเป็น 4 ระดับใหญ่ๆ ด้วยกันคือ
- ระดับ 1 – ก่อให้เกิดมะเร็ง (มีหลักฐานบ่งชี้เพียงพอว่าก่อมะเร็งในมนุษย์)
- ระดับ 2A – มีแนวโน้มก่อให้เกิดมะเร็ง (มีหลักฐานบ่งชี้ว่าก่อมะเร็งในมนุษย์ในระดับจำกัด แต่มีหลักฐานบ่งชี้เพียงพอว่าก่อมะเร็งในสัตว์)
- ระดับ 2B – มีความเป็นไปได้ที่จะก่อมะเร็ง (มีหลักฐานบ่งชี้ว่าก่อมะเร็งในมนุษย์ในระดับจำกัด และมีหลักฐานบ่งชี้ว่าก่อมะเร็งในสัตว์ไม่เพียงพอ)
- ระดับ 3 – ไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านมะเร็ง
ที่มา: The Standard.co
สิงหาคม 2566